วันนี้ (14 ธันวาคม 2567) เวลา 16.00 น. นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปกท.ทส.) ร่วมเสวนาในหัวข้อ กรุงเทพฯ เมืองหลวงแห่งอนาคต : วิสัยทัศน์และแผนการพัฒนาเมืองศตวรรษ ที่ 22 ร่วมกับ ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานมูลนิธิโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารในพระสังฆราชูปถัมภ์ โดยมี ศ.สพ.ญ.ดร.นันทริกา ชันซื่อ ประธานมูลนิธิ เอิร์ธ อะเจนด้า เป็นผู้ดำเนินการเสวนา จัดโดยชมรมศิษย์เก่าหลักสูตรมหานคร ในงาน รวมพลคนมหานคร 11+1 ซึ่งมี นายพินิจ จารุสมบัติ ประธานชมรมศิษย์เก่าหลักสูตรมหานคร เป็นประธานกล่าวเปิดงาน และมี ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วย นายปวิช เกศววงศ์ รองอธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เข้าร่วม ณ อาคารอเนกประสงค์ วปอ. ถนนวิภาดี กรุงเทพฯ
โดยปลัดฯ จตุพร ในฐานะศิษย์เก่าหลักสูตรมหานคร รุ่นที่ 1 ได้กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ถึงการพัฒนากรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองหลวงแห่งอนาคตที่ทุกคนอยากมาอยู่ ว่า ปัจจุบันปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อเมืองหลวงทั่วโลก โดยเฉพาะ กรุงเทพฯ ในฐานะเมืองศูนย์กลางของประเทศไทย ได้รับการประเมินว่า เป็นเมืองที่มีความเสี่ยงสูงที่สุดเป็นอันดับ 9 ของโลกที่จะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ดังนั้น การจะเป็นเมืองแห่งอนาคต กรุงเทพฯ จะต้องเป็นเมืองแห่งความยืดหยุ่น (Resilient city) ที่สามารถรับมือและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงหรือภัยต่าง ๆ ทั้งภัยจากธรรมชาติ และภัยจากการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศได้ นอกจากนี้ กรุงเทพฯ ยังเป็นเมืองที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงที่สุดในประเทศไทย หรือประมาณ 10% ของประเทศ ดังนั้น ต้องมีการวางแผนการดำเนินงานตามเป้าหมายที่ประเทศกำหนดในการลดก๊าซเรือนกระจกให้มีความสอดคล้องกัน จึงจะทำให้กรุงเทพฯ มีความยั่งยืน และพร้อมต้อนรับคนทุกคนให้อยู่ในเมืองได้อย่างปลอดภัย ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของ ศ.ดร.สุชัชวีร์ ศิษย์เก่าหลักสูตรมหานคร รุ่นที่ 5 ที่เห็นว่าทางรอดที่สำคัญของกรุงเทพฯ คือ ต้องเร่งวางแนวทางในการแก้ปัญหาที่สำคัญ 2 เรื่อง คือ เรื่องของการศึกษา และเรื่องของสิ่งแวดล้อม ที่จะทำให้กรุงเทพฯ สู้กับภัยพิบัติจากการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้

“ประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชน”